‘กรุงโซล’ หวังดึงศักยภาพ ‘แสงอาทิตย์’ ผลิต ‘ไฟฟ้า’ ให้ได้ 1 GW ภายในปี 2022

9. ParaSitePJ2SB

สรุปประเด็นหลัก

  • กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเมืองหลวงอีกหนึ่งแห่งที่มีศักยภาพด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นพลังงานทางเลือกที่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานท้องถิ่นของกรุงโซล
  • กรุงโซลมีแผนพัฒนาการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 และวางเป้าหมายที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สูงถึง 1 กิกะวัตต์ ภายในปี ค.ศ. 2020
  • มาตรการและการผลักดันการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ทั้งในภาคธุรกิจ ภาคประชาชน และหน่วยงานของภาครัฐ เพื่อให้เกิดพื้นที่พิเศษที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์โดยเฉพาะ
  • โครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ทั้งที่พักอาศัยและพื้นที่สาธารณะที่มาพร้อมกับความหวังที่จะได้แหล่งพลังงานที่ยั่งยืน รวมถึงโอกาสในการจ้างงานในกรุงโซลและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

 

บทนำ

          ภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีเรื่อง ‘Parasite’ ชนชั้นปรสิต เพิ่งสร้างปรากฏการณ์เป็นภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศเรื่องแรก ที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ เป็นการเล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคมเกาหลี ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ใต้ถุน และถึงแม้ว่าใต้ถุนจะมีความเหลื่อมล้ำ แต่หลังคาของเกาหลีใต้เริ่มเต็มไปด้วยแผงโซลาร์เซลล์กันแล้ว

          อีกหนึ่งมหานครของโลกอย่าง ‘กรุงโซล’ มีเป้าหมายผลักดันให้หน่วยงานท้องถิ่น เอกชน และประชาชน หันมาติดตั้ง ‘แผงโซลาร์เซลล์’ หวังดึงศักยภาพ ‘แสงอาทิตย์’ มาผลิต ‘ไฟฟ้า’ ให้ได้ 1 กิกะวัตต์ ภายในปี ค.ศ. 2022 สอดคล้องไปกับนโยบายหลักของประเทศ ที่จะเลิกใช้ ‘นิวเคลียร์’ แล้วหันมาเพิ่มสัดส่วน ‘พลังงานทางเลือก’ แทน

 

วัตถุประสงค์ของบทความ 

         เพื่อนำเสนอการวางแผนและเป้าหมายในการลงทุนเกี่ยวกับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ของกรุงโซล
เพื่อการผลิตพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

กรุงโซล เมืองหลวงโซลาร์เซลล์แห่งใหม่

         กรุงโซล มีพื้นที่ 605.21 ตารางกิโลเมตร กอปรกับมีศักยภาพด้าน ‘แสงอาทิตย์’ ในระดับที่ดี โดยมีค่าชั่วโมงแสงแดด(Sunshine Duration หรือ sunshine hours) เฉลี่ยที่ 2,066 ชั่วโมงต่อปี และแม้จะเป็นเมืองที่มีหิมะตกก็ตกเฉลี่ยแค่ 24.9 วันต่อปี เท่านั้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การดึงเอาศักยภาพ ‘แสงอาทิตย์’ ที่สาดส่องมาในเมืองมาผลิต ‘ไฟฟ้า’ ระดับ ‘เมกะวัตต์’ (MW) ขึ้นไป จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่วิสัยทัศน์กรุงโซลไปไกลมากกว่านั้น ด้วยการตั้งเป้าผลิตไว้สูงถึง ‘1 กิกะวัตต์’ (1 GW) เลยทีเดียว

          จากเหตุภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เมืองฟุกุชิมะ (Fukushima) ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2011 เป็นข่าวดังไปทั่วโลกถึงผลกระทบอันร้ายแรงจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้กรุงโซลมีเป้าหมายในการส่งเสริมการผลิตพลังงานทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืน ซึ่งเป็นนโยบายที่ดำเนินการสอดคล้องไปกับนโยบายหลักของรัฐบาลเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน

          หลังจากที่ประธานาธิบดี มุน แจอิน (Moon Jae-in) ชนะเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2017 เขาได้ประกาศว่าจะล้มเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ ๆ ทั่วประเทศ และจะปรับทิศทางของประเทศให้หันมาส่งเสริมพลังงานทางเลือกที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และ พลังงานลมเป็นต้น โดยข้อมูล ณ ปี ค.ศ. 2017 เกาหลีใต้มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใช้งานอยู่ 25 หน่วย และส่วนใหญ่จะทยอยหมดอายุการใช้งานในช่วงปี ค.ศ. 2020 – 2030

          เมืองหลวงของเกาหลีใต้อย่างกรุงโซลเองก็มีแผนแม่บท ‘2022 Solar City Plan’ ซึ่งประกาศเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2017 ที่มีเป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้ 1 GW ภายในปี ค.ศ. 2022 ซึ่งคาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 540,000 ตันต่อปี และสร้างพลังงานเพียงพอที่จะใช้พลังงาน 310,000 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของครัวเรือนทั้งหมดในกรุงโซล ภายใต้แผนแม่บทนี้ กรุงโซลจะทำการ ‘ช่วยเหลือและอุดหนุน’ ให้สถานที่ต่าง ๆ กว่า 1 ล้านแห่งติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก เช่น ระเบียงอะพาร์ตเมนต์ 540,000 ระเบียง บ้านเช่า 90,000 หลัง และอาคาร 370,000 หลัง จากข้อมูล ณ ปี ค.ศ. 2018 พบว่าสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงโซลมีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แล้ว 161,000 แห่ง เป็นการติดตั้งใหม่ในปี ค.ศ. 2018 ประมาณ 59,000 แห่ง กำลังการผลิตรวม ณ เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2018 อยู่ที่ 209.6 MW

          เพื่อการสนับสนุนนโยบายดังกล่าวนี้ กรุงโซลจึงได้เสนอทางเลือกการสนับสนุนที่หลากหลายให้กับภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป เช่น การส่งเสริมเรื่องการจัดหาอุปกรณ์การติดตั้ง การจัดหาเงินอุดหนุนให้ รวมทั้งการบังคับให้บ้านพักอาศัยที่สร้างใหม่ โดย Seoul Housing and Communities Corp. ต้องติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ด้วย ส่วนอาคารหน่วยงานท้องถิ่น และอาคารสาธารณะต่าง ๆ ในกรุงโซล ก็กำลังถูก ‘แปรรูปพื้นที่’ ให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ จากการสำรวจ ณ ปี ค.ศ. 2018 พบว่า อาคารสาธารณะในกรุงโซลจำนวน127 แห่ง สามารถผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ถึง 3.8 MW  โครงสร้างพื้นฐาน 17 แห่ง ผลิตได้ 3.8 MW โรงเรียน 43 แห่ง ผลิตได้ 1.8 MW และที่จอดรถสาธารณะของกรุงโซล ก็สามารถผลิตได้อีก 12 MW และกรุงโซลยังมีเป้าหมายไว้อีกว่า ในปี ค.ศ. 2022 พื้นที่สาธารณะเหล่านี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ถึง 243 MW ซึ่งจากรายงานของเว็บไซต์ pv-magazine.com ช่วงปลายปี ค.ศ. 2019 ได้อัพเดทความคืบหน้าการดำเนินนโยบายนี้ของกรุงโซลว่ามีกำลังผลิต 203.6 MW แล้ว เฉพาะปี ค.ศ. 2018 ปีเดียวสามารถสร้างกำลังผลิตใหม่ได้ถึง 50 MW

          นอกจากนี้ กรุงโซลก็มีแผนการสร้าง ‘แลนด์มาร์ค’ เพื่อดึงดูดให้คนสนใจเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยจะสร้าง ‘เขตพื้นที่พิเศษพลังงานแสงอาทิตย์’ เพื่อใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่นเดียวกับที่เมือง Freiburg ประเทศเยอรมนี โดยจะมีการเปลี่ยนพื้นที่ ‘จัตุรัสควางฮวามุน’ (Gwanghwamun Square) ให้เป็นถนนสายพลังงานแสงอาทิตย์ภายในปี ค.ศ. 2020 เช่นเดียวกับที่ World Cup Park และ Jamsil Hangang Park ก็จะกลายมาเป็นถนนสายพลังงานแสงอาทิตย์อีกตามลำดับ แผนการนี้จะเปลี่ยนย่านโซลตะวันตก ให้กลายเป็น ‘พื้นที่พลังงานอัจฉริยะ’(Smart energy area) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์พลังงานในเมือง โดยท้องถิ่นอย่างกรุงโซลได้ร่วมมือกับบริษัทพลังงานรายใหญ่ของเกาหลีในการพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ โดยย่านพลังงานอัจฉริยะนี้ จะเป็นรูปแบบการพัฒนาเมืองแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเมื่อสร้างเสร็จแล้วคาดว่าจะสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้ราว 30 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ พร้อมกับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 180,000 ตัน/ปี เลยทีเดียว

          โครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ทั้งที่พักอาศัยและพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ถึงเป้าหมาย 1 GW ในปี ค.ศ. 2022 นั้น แม้จะต้องใช้งบประมาณถึง 1.7 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 44,340 ล้านบาท) นอกเหนือจากผลพวงด้านพลังงานไฟฟ้าแล้ว โครงการนี้ก็จะช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่ให้คนที่อาศัย
ในกรุงโซลได้มากถึง 4,500 ตำแหน่งอีกด้วย ถ้าโครงการนี้ประสบความสำเร็จจะสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำของสังคมเกาหลีใต้ไปได้ไม่มากก็น้อย

 

บทสรุป

          กรุงโซลของประเทศเกาหลีใต้ คือ หนึ่งในเมืองที่มีศักยภาพด้านแสงอาทิตย์ค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันหน่วยงานท้องถิ่นกรุงโซลก็กำลังมองหาพลังงานที่ยั่งยืน จึงได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและภาคประชาชนหันมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2020 กรุงโซลจะสามารถผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้สูงถึง 1 กิกะวัตต์ ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นกรุงโซลกำลังพยายามและผลักดันอย่างจริงจังเพื่อให้พื้นที่บางส่วนของกรุงโซลกลายเป็น‘พื้นที่พลังงานอัจฉริยะ’ (Smart energy area) ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ทั้งหมด และยังมีการคาดหวังว่าถ้าหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ กรุงโซลจะเป็นเมืองที่ได้ใช้พลังงานสะอาดเมืองหนึ่งของโลก ซึ่งจะมาพร้อมกับการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

อ้างอิง

Justin McCurry. (2017).  New South Korean president vows to end use of nuclear power. From https://www.theguardian.com/world/2017/jun/19/new-south-korean-president-vows-to-end-use-of-nuclear-power

Kang Seung-woo. (2018).  Seoul to generate 1GW of energy from solar by 2022. From https://www.koreatimes.co.kr/www/nation/2018/11/281_259295.html

Emilano Bellini. (2019).  Seoul launches 1 GW rooftop solar plan. From https://www.pv-magazine.com/2019/11/18/seoul-launches-1-gw-rooftop-solar-plan/

Seoul. (2020).  In Wikipedia. From https://en.wikipedia.org/wiki/Seoul