Solar Cell กับวิถีเกษตรใหม่
จะติดตั้งโซลาร์เซลล์ก็ต้องใช้เงินเยอะ
โซลาร์เซลล์จะใช้งานได้จริงเหรอ?
โซลาร์เซลล์จะเข้ากับวิถีเกษตรกรตัวเล็ก ๆ ได้อย่างไร?
คำถามเหล่านี้ไม่เพียงเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่ในคำถามมันสะท้อนถึงความเข้าใจผิดที่คนทั่วไปมองโซลาร์เซลล์ เมื่อโซลาร์เซลล์ถูกจำกัดการใช้งานอยู่เพียงแค่กลุ่มคนบางกลุ่มที่มีความพร้อมเพียงเท่านั้น ไม่ใช่พร้อมด้วยทุน แต่คือพร้อมด้วยองค์ความรู้ ซึ่งองค์ความรู้ ข้อมูลนั่นแหละที่จะตามมาด้วยความเข้าใจถูก
นั่นจึงเป็นเหตุผลเล็ก ๆ เหตุผลหนึ่งที่ พี่ปา ปา ไชยปัญหา แห่งไร่อรหันต์ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ตัดสินใจเปิดพื้นที่การเรียนรู้บนเนื้อที่กว่า 7 ไร่ 2 งาน
พี่ปาพลิกฟื้นผืนดินที่เดิมเคยเป็นไร่มันสำปะหลังที่ไม่ว่าปลูกกี่ครั้งก็ไม่เคยทำกำไรได้เท่าที่ควร สู่การกลายเป็นพื้นที่ทำเกษตรผสมผสานซึ่งมีพันธุ์ไม้มากถึง 200 กว่าชนิด จนไร่มันสำปะหลังวันนั้นกลายเป็น ‘จุดหมายของเหล่าเกษตรกรรุ่นใหม่’ ที่อยากเข้ามาเรียนรู้ในวันนี้
ทำเกษตรอย่างไรให้อยู่รอด? … คือคำถามที่พี่ปาถูกถามบ่อยที่สุด
พี่ปาจึงตอบคำถามนี้ได้อย่างฉะฉานและกระชับ เมื่อเรายิงคำถามนี้ไป พี่ปาอธิบายสั้น ๆ ว่า เกษตรกร
จะอยู่รอดได้ด้วย 3 การ 3 ปลูก
3 การ คือ อุดมการณ์ วิชาการ และประสบการณ์
3 ปลูก คือ ปลูกเพื่อเรียนรู้ ปลูกเพื่อขายผลผลิตฝึกทำนอกฤดูกาล และปลูกเพื่อขายผลพลอยได้
ขั้นสูงสุดของการทำเกษตร คือ การปลูกเพื่อขายผลพลอยได้ ซึ่งผลพลอยได้ที่ว่า หมายรวมถึง ผลผลิตที่ได้จากการแปรรูปด้วย และเมื่อวิกฤตผลผลิตราคาตกต่ำมาถึง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางรอดของไร่อรหันต์
ยกคุณภาพชีวิต ‘คนปลูก’ เป็น ‘เจ้าของโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์’
ข่าวแก้วมังกรล้นตลาดจนทำให้ราคาตกสู่กิโลกรัมละ 5 บาทในปีนี้ พลอยทำให้ชาวสวนน้ำตาตกไปด้วย นั่นคือวิกฤตที่ชาวสวนทั่วไปกำลังเผชิญ แต่สำหรับไร่อรหันต์ วันนี้พี่ปาเปลี่ยนแก้วมังกรกิโลกรัมละ 5 บาท สู่แก้วมังกรอบแห้งกิโลกรัมละ 100 บาท!
“อันนี้ก็ใช้โซลาร์เซลล์เหมือนกัน แผงไม่ใหญ่เท่าไหร่ประมาณฟุตนึง
มันเอาพลังงานซึ่งผลิตจากแสงอาทิตย์มาเพื่อหมุนพัดลม
พัดลมจะทำหน้าที่ดูดอากาศออกไม่ให้ข้างในมีความชื้น”
พี่ปาพูดขณะดึงฝาตู้ทรงสี่เหลี่ยมที่ด้านบนถูกทำให้โค้งนูนขึ้นมาคล้ายฝาปิด พี่ปาบอกว่ามันคือตู้อบ พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีถาดสำหรับตากแห้งถึง 6 ชั้น ความสูงของมันแค่อก แต่สามารถอบแห้งผลไม้ได้ครั้งละ 100 กิโลกรัม
จุดเริ่มต้นของตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์นี้เกิดจากความพยายามในการทดลองแปรรูปผลผลิตจากไร่ ซึ่งแต่เดิมราคาขึ้นอยู่กับกลไกของตลาด แต่ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์นี้กลับเพิ่มมูลค่าให้แก้วมังกรอบแห้ง ของไร่อรหันต์ได้ถึงกิโลกรัมละ 100 บาท
“ที่ขายดีสุดคือ แก้วมังกรแดง กิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนแก้วมังกรขาว กิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งเขาขายสดหน้าสวนเพียงกิโลกรัมละ 8 บาท ซึ่งมันถูกมาก ผมถึงบอกว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าไปขาย เอามาแปรรูปแบบนี้จะเพิ่มมูลค่าได้มากกว่า”
เมื่อเกษตรกรสามารถแปรรูปและกลายเป็นเจ้าของ ‘ผลิตภัณฑ์’ หรือ ‘แบรนด์’ เองได้ นั่นหมายความว่า อำนาจในการต่อรองหรือตั้งราคากลับสู่มือผู้ผลิตตัวจริงอีกครั้ง นั่นจึงเป็นหนทางเดียวสู่การพลิกชีวิตเกษตรกร ให้มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
‘โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์’ เป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ ในเรื่องการจัดการด้านพลังงานในไร่อรหันต์เท่านั้น เพราะพี่ปายังใช้โซลาร์เซลล์ในการแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายเดือนละเกือบสองพันบาท จนตอนนี้ลดเหลือเพียงเดือนละห้าร้อยบาท หรือแม้กระทั่งการใช้โซลาร์เซลล์ในการแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่สูงเนินซึ่งเกิดปัญหาภัยแล้งหนักในรอบ 20 ปี
พี่ปาย้ำว่า การทำการเกษตรนอกจากการรู้จักตัวเองแล้ว ต้องรู้จักดิน รู้จักน้ำ และท้ายที่สุดคือ ‘รู้จักพลังงาน’ …พลังงานซึ่งอยู่รอบตัวเราและไม่มีวันหมดคือ ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ และเมื่อมันเป็นพลังงานนั่นแปลว่าคือ
ของทุกคน เราต่างสามารถเข้าถึงและนำมาใช้ประโยชน์ได้ ฉะนั้นแล้วสิ่งสำคัญจึงอาจไม่ใช่เรื่องเงินทุน แต่คือ
องค์ความรู้ที่จะรู้จักนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ให้ตรงกับความต้องการและสภาพการใช้ชีวิตของแต่ละอาชีพ
… พี่ปาบอกกับเรา ก่อนการกล่าวลาจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น.