Solar Christmas
รู้หรือไม่? – เราสูญเสียไฟฟ้าไปเท่าไหร่กับการจัดไฟสวย ๆ ในยามค่ำคืน?
ทุก ๆ ปีการจัดไฟประดับช่วงเทศกาลตามห้างสรรพสินค้ากลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นชิน และคล้ายเป็นธรรมเนียมไปแล้วกับการตามล่าจุดเช็คอินที่ไฟสวยที่สุดในกรุงเทพมหานคร แต่จากการเช็คอิน แชร์รูปภาพและความรู้สึกชอบแล้ว เราเคยตั้งคำถามกันหรือไม่ว่า เราสูญเสียไฟฟ้าไปเท่าไหร่กับการจัดไฟสวย ๆ ในยามค่ำคืน
คำตอบคือ เราใช้ไฟฟ้าในการจัดไฟไปเท่ากับตำบลเล็ก ๆ หนึ่งตำบล
“ห้างสรรพสินค้าสักห้างอาจจะใช้ไฟฟ้าราว 50 – 80 เมกะวัตต์ต่อวันแล้วแต่ขนาดของมัน
แต่ปริมาณไฟฟ้าที่เพิ่มมาแค่ 1 – 3 เมกะวัตต์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดไฟประดับในช่วงเทศกาล
จึงอาจจะไม่มากมายนักถ้าเทียบกับการใช้ไฟฟ้าของห้างทั้งห้าง”
เดชรัตน์ สุขกำเนิด นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์
แม้ว่าถ้าเทียบกับการใช้ไฟฟ้าของห้างสรรพสินค้าแล้ว ไฟฟ้าที่ถูกใช้ไปกับการจัดไฟในช่วงเทศกาลจะไม่ได้เป็นสัดส่วนที่มากมายนัก แต่หากลองคิดดูแล้ว ไฟฟ้ากว่า 1 – 3 เมกะวัตต์ อาจเทียบได้กับโรงไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กสักโรงหนึ่ง หรือเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของตำบลเล็ก ๆ ตำบลหนึ่งก็ว่าได้
คำถามสำคัญคือ จะสามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง?
ถึงแม้พัฒนาการของหลอดไฟตลอดช่วงศตวรรษที่ผ่านมาตั้งแต่หลอดไส้จนถึงแอลอีดีจะช่วยให้เราสามารถประหยัดค่าไฟและปริมาณการใช้ไฟฟ้าไปได้มากโข แต่สำหรับอนาคตที่ทุกคนพูดถึงการ Go Green เทคโนโลยีการประหยัดไฟจะไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่เว้นแม้แต่ในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลอย่างคริสต์มาสหรือปีใหม่
อาจารย์เดชรัตน์ สุขกำเนิด นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่า กำลังไฟฟ้าราว 1 – 3 เมกะวัตต์นั้นอาจจะต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์นั้นราว 3 ไร่ แม้จะดูเป็นตัวเลขที่เยอะก็จริง แต่หากแผง โซลาร์เซลล์เหล่านี้ถูกติดตั้งอยู่บนหลังคาห้างสรรพสินค้าก็มีพื้นที่เพียงพอเลยทีเดียว โดยเรามักรู้จักกันในชื่อ โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) และมันกลายเป็นเทรนด์ใหม่สำหรับห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด รวมถึง คอมมิวนิตี้มอลล์ต่าง ๆ ด้วย
และไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานแสงอาทิตย์เหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกใช้เพียงเพื่อการจัดไฟช่วงเทศกาลเพียง
นาน ๆ ครั้ง แต่มันกลับช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของห้างสรรพสินค้านับล้านบาทต่อปี
คุณพลกฤต กล่ำเครือ ชมรมช่างและผู้ประกอบการพลังงานแสงอาทิตย์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจถึงประเด็นนี้ไว้ว่า
“โมเดิร์นเทรดบางรายติดตั้งรวม 600 กิโลวัตต์ ได้ไฟฟ้าอยู่ที่ 600 กิโลวัตต์เช่นกัน เมื่อคำนวณกับช่วงเวลาที่มีแดดที่ 3.7 ชั่วโมง เท่ากับว่าผลิตไฟฟ้าได้ 2,200 กิโลวัตต์ต่อวัน หรือ 66,000 กิโลวัตต์ต่อเดือน เมื่อคำนวณจาก
ค่าไฟที่ซื้อจากการไฟฟ้าฯ ที่ 4.2 บาทต่อหน่วย (อัตราค่าไฟแบบ TOU ที่ซื้อจากการไฟฟ้าฯ) ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ 277,200 บาทต่อเดือน ทั้งปีลดค่าไฟได้ 3.3 ล้านบาท”
นั่นคือการใช้เทคโนโลยีของพลังงานทางเลือกกับห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ แต่ถ้าเราอยากจัดไฟคริสต์มาสสวย ๆ ที่บ้านบ้างล่ะ? ตอนนี้ก็มีโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก ๆ ที่ขายในชอปปิงออนไลน์ซึ่งสั่งซื้อง่ายและใช้งานง่าย มันกลายเป็นหนึ่งทางเลือกดี ๆ สำหรับคนที่ไม่ต้องการเสียบปลั๊กไฟตลอดทั้งคืนเพื่อให้ต้นคริสต์มาสนั้นสว่างไสว
ขยับจากความชอบ – สู่การตั้งคำถามถึงการใช้พลังงานทางเลือก
“ปัญหาตอนนี้ของการใช้โซลาร์เซลล์ไม่ใช่การถามว่าโซลาร์เซลล์คืออะไร? แต่มันคือคำถามทางเทคนิคว่าทำอย่างไร?”
เดชรัตน์ สุขกำเนิด นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์
จากคำถามนี้ อาจารย์เดชรัตน์เสนอว่า หากในห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นพื้นที่ในการพบปะ แลกเปลี่ยน พูดคุยของคนเมืองนั้น มีพื้นที่ในการให้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานทางเลือก ให้คนได้เข้าถึงองค์ความรู้ มีคนคอยให้คำปรึกษา จัดพื้นที่คล้าย Outlet การใช้พลังงานทางเลือกจะยิ่งขยายมากขึ้นกว่าเดิม และยิ่งในช่วงเทศกาล ที่คนมักไปเช็คอินและถ่ายรูปกับไฟสวย ๆ หากเราให้ความรู้ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้สึก เราอาจจะต้องคิดไปให้ถึงจุดนั้น
“หากคนเห็นว่าต้นคริสต์มาสที่เขาถ่ายรูปอยู่นั้น มาจากการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เขาก็จะเกิดความสนใจแน่นอน และนั่นจะนำไปสู่การตั้งคำถามว่า แล้วเขาล่ะจะสามารถใช้พลังงานทางเลือกเหล่านี้ได้อย่างไร? นั่นแปลว่า การให้ความรู้สึกควบคู่ไปกับความรู้ก็จะเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงห้างสรรพสินค้านั้นสามารถทำได้อย่างแน่นอน”