โรงเรียนเล็ก โอกาสยิ่งใหญ่
“โรงเรียนต้องแบกรับค่าน้ำ ค่าไฟกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ของเงินทั้งหมดที่ได้จากรัฐ นั่นแปลว่า เรามีเงินเหลือเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ที่จะนำไปจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนได้”
นี่คือสิ่งที่โรงเรียนวัดเขายี่สาร โรงเรียนขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาลูกเดียวในจังหวัดสมุทรสงครามกำลังเผชิญ ข้อมูลเหล่านี้ถูกบอกเล่ามาจากคุณครูพี่หมิวและคุณครูน้องหมิว คุณครู 2 ใน 10 คนของโรงเรียนแห่งนี้
โรงเรียนขนาดเล็ก จะใช้คำนี้ก็คงไม่ผิด เมื่อโรงเรียนวัดเขายี่สารมีเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพียงแค่ 84 คน และยังเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย
“คนส่วนใหญ่มักคิดว่า โรงเรียนเล็ก เด็กน้อย ครูก็ต้องน้อยก็ถูกต้องแล้ว คำถามสำคัญคือ คุณคาดหวังศักยภาพในตัวเด็กคนหนึ่งแค่ไหน? เราอยากให้เด็กในโรงเรียนเรามีศักยภาพเต็มที่เหมือนเด็กโรงเรียนใหญ่”
น้ำเสียงฉะฉานของครูหมิว จิราภา แผ่วบรรจง คุณครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อธิบายถึงสิ่งที่เธอและคุณครูในโรงเรียนคาดหวังจะได้เห็น แม้จะเพิ่งเข้ามาเป็นครูได้เพียงไม่กี่เดือนแต่ความหวังดีที่มีต่อเด็ก ๆ ที่นี่ ก็ไม่ได้น้อยกว่าใครเลย แต่ศักยภาพของเด็กเกี่ยวเนื่องกับจำนวนครูและสื่อการสอนอย่างแยกไม่ออก
“ด้วยความที่ครูน้อย ดังนั้นครูหนึ่งคนต้องสอนกว่า 7 วิชา ทุกคนก็ไม่ได้ถนัดทุกวิชาเพราะจบสาขาเอก
ไม่เหมือนกัน มันทำให้เด็กไม่ได้รับความรู้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย”
ในขณะที่เงินซึ่งได้รับการอุดหนุนจากรัฐตามจำนวนเด็ก โรงเรียนวัดเขายี่สารซึ่งเป็นเพียงโรงเรียนเล็ก จึงได้รับเงินอุดหนุนเพียง 178,000 บาท อ้างอิงตามตัวเลขในปีการศึกษา 2561 แต่เงินเกือบทั้งหมดถูกจ่ายเป็น
ค่าน้ำ ค่าไฟ
“เราเหลือเงินแค่ 25 เปอร์เซ็นต์ ในการนำมาจัดการเรียนการสอน ซึ่งแบ่งเฉลี่ยทุกห้องแล้วได้แค่ 1,000 บาท
ต่อห้อง ซึ่ง 1,000 บาท เราแทบไม่สามารถนำไปซื้อสื่อการเรียนอะไรได้เลย นั่นคือโอกาสที่เด็ก ๆ เสียไป” คล้ายมีความปวดใจอยู่ในน้ำเสียงในขณะที่เล่า
ครูน้องหมิวบอกว่า ในฐานะที่ตัวเองสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 การเติบโตการเรียนรู้ของเด็ก เกิดจากการได้ลงมือทำ ผ่านแบบทดสอบ แบบฝึกหัด ดินน้ำมัน กระดาษ สี สมุดวาดเขียน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นช่องทางเพื่อให้เด็กทุกคนเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของพวกเขา แต่จำนวนเงินที่น้อยเกินไปนั้น ทำให้ไม่สามารถจัดหาสิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้เพียงพอสำหรับน้อง ๆ ได้
“ที่ผ่านมาเราก็พยายามลดค่าน้ำค่าไฟด้วยการปิดไฟในช่วงบ่าย มีแอร์ในห้องสมุดก็ไม่เคยเปิด ใช้แค่พัดลม แต่สิ่งที่เราลืมไปคือ ความร้อนกับบรรยากาศที่อุดอู้มันมีผลต่อการเรียนของเด็ก ๆ มาก”
อาคารไม้ที่เด่นตระหง่านกับแสงแดดที่แผดกล้าเป็นหลักฐานชั้นดีว่า คำบอกเล่าของครูหมิวนั้นไม่เกินไปกว่าความจริงเลย และนั่นนำมาสู่การแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่
ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเขายี่สาร หรือ ผอ.เดชา บุญชู ที่ใคร ๆ รู้จัก เสนอให้ใช้โซลาร์เซลล์ในการแก้ปัญหา
“ตอนแรกที่ประชุมกันพวกเราก็ไม่แน่ใจนะว่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะรู้จักกันแค่ว่าโซลาร์เซลล์มันคือการแปลงแสงแดดมาเป็นไฟฟ้า แต่ก็ไม่เคยใช้และไม่รู้ด้วยว่า มันจะใช้ได้จริง ๆ เหรอ?”
แม้จะเริ่มต้นด้วยความไม่แน่ใจแต่ไม่มีอะไรที่ต้องเสียแล้ว เมื่อเดิมพันนี้มันคือ นักเรียนทั้งหมด 84 ชีวิต ผู้อำนวยการและคณะครูจึงตระเวนขอทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในทุกที่ จนในที่สุดเอกชนรายหนึ่งก็บริจาค โซลาร์เซลล์ให้โรงเรียน ด้วยกำลังไฟฟ้าที่ 3.25 กิโลวัตต์
“หลังจากได้โซลาร์เซลล์มา อะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง?”
“โอ้โห…” ครูหมิวอุทานออกมาทันทีที่คำถามถูกโยนออกไป
เธอเล่าว่า โรงเรียนสามารถลดค่าไฟลงไปได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ จากแต่เดิมที่ต้องจ่ายเดือนละเกือบ 9,000 บาท ตอนนี้เหลือเพียงเดือนละไม่ถึง 4,000 บาท บางเดือนลดลงไปจนเหลือเพียง 500 บาทก็มี!
“จากเดิมที่ได้ค่าจัดการเรียนการสอนห้องละ 1,000 บาท ตอนนี้เราได้ห้องละ 4,000 บาท! ซึ่งทั้งหมด มันกลับคืนสู่เด็กทั้งหมด แม้ว่ามันจะไม่ได้กลับคืนไปในรูปของเงิน แต่ทุกอย่างที่เขาหยิบจับอยู่ มันได้มาจากเงิน
ในส่วนนี้ทั้งหมด”
ที่นี่อาจจะถูกมองว่าเป็นโรงเรียนขนาดเล็กและจำนวนเด็กก็มีไม่เยอะ อาจจะแค่ 1 ใน 10 ของเด็กโรงเรียนใหญ่ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าเด็กทุกคนนั่นคือ 1 ชีวิตที่พวกเขาต้องเติบโตต่อไป
โรงเรียนเล็ก ๆ แห่งนี้จึงอาจเป็นสถานที่ซึ่งบ่มเพาะให้พวกเขาได้มีรากฐานทางการศึกษาที่จะกลายเป็นต้นทุนทำให้พวกเขาเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไปก็เป็นได้
โรงเรียนขนาดเล็ก ที่กลายเป็น โอกาสอันยิ่งใหญ่ของเด็กที่นี่